ศูนย์การจัดการและบ่มเพาะธุรกิจ (Business Incubation and Management Center)
โครงการศูนย์ การจัดการและบ่มเพาะธุรกิจ จัดตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมให้นำศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเรา ทุกคนออกมาใช้เชิงสร้างสรรค์ (ตามแนวคิด Diamond Model) รวมถึงการจัดการให้กับธุีรกิจขนาดย่อย โดยมุ่งหวังให้สมาชิก เป็นนักธุรกิจมีศักยภาพ ดุจดั่ง เพชร (Diamonds Are Forever)

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สร้างธุรกิจส่วนตัว: ปฐมบท

ปฐมบท



ชื่อเรียกง่าย ทำก็ง่าย และทำแล้ว ก็เลิกได้ง่าย เพราะทำแล้วมันโตยาก
ถ้าคิดจะทำธุรกิจส่วนตัวกันแล้ว ไม่ใช่เรื่องใจ กล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน แต่เป็นเรื่อง ความรู้ ที่ต้องรู้จริง ดังนั้นผู้คนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว จึงยอมจ่ายค่าแฟรนไชส์เพื่อแลกความรู้ ซึ่งก็ไปวัดดวงกันว่าความรู้ที่ได้กับเงินที่จ่ายไปคุ้มหรือเปล่า
ถ้าที่ไหนเค้ามีการประชุม สัมมนาสินค้า หรือ ความรู้ธุรกิจ คนที่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองต้องกระโจนเข้าหา เพื่อรับทราบข้อมูลอย่าได้ขาด เดี่ยวตกเทรนด์ หรือ คกกระแส เพราะความต้องการของผู้บริโภคเปลื่ยนแปลงตลอดเวลา
ถ้าอยากเดินหน้าก็อย่ากลัวว่า จะสะดุด และควรมีความมั่นใจสุดๆ ด้วย ถึงจะฝ่าฟันไปถึงความฝันที่วาดหวังไว้ ใครนะไม่เคย มั่งอ่ะ

การมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ต้องมีปัจจัยอะไรในเบื้องต้นบ้าง เช่น.....

1. มีเป้าหมาย
เพราะบางคนแค่ฝันอยากทำ แต่ไม่คิดลงมือลงแรง หรือบางคนขอแค่ธุรกิจเล็กๆ แบบ รถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว, ขายกาแฟ แต่บางคน ท่านคิดทำการใหญ่ขึ้นมาอีกนิดนึง แบบเป็นธุรกิจมั่นคงยั่งยืน บางคนชอบขายของในห้างแบบมีพื้นที่หลักแหล่งแน่นอน ตกแต่งสวยงาม ยอมทนจ่ายค่าเช่ามหาโหดเพราะกลัวอยู่นอกห้างฯจะขายไม่ได้ราคา ฯลฯ แบบนี้เป็นเป้าหมายเบื้องต้นที่คุณต้องศึกษาหาข้อดีข้อด้อยตามศักยภาพและปัจจัยที่คุณมี อีกลักษณะหนึ่ง ของเป้าหมายเบื้องต้น คือ ไอ้เจ้าธุรกิจที่อยากทำนั้น มันมีวี่แววจะไปรอดหรือเปล่า หรือถ้าธุรกิจที่อยากทำแม้จะมีคนทำเยอะแยะมากมายแต่คุณมีระบบใหม่ๆ เหล่านี้คุณต้องรู้จริง (แค่คิดเอาเอง หรือ มั่นใจแต่ไม่รู้จริง พังมาเยอะแล้วครับ) สรุป คือ เป้าหมายชัด แผนธุรกิจเจ๋ง ทำงานแบบมืออาชีพเรียกพี่ และ มีจุดแข็งด้านสินค้าหรือบริการที่แตกต่าง
2. ต้องลงทุน จะสร้างรายได้หลักแสนด้วยเงินลงทุนหลักร้อย ในธุรกิจมันไม่มีทางครับ แต่การใช้เงินจากน้อยไปสู่เงินมาก มีครับ ดังนั้นต้องเช็คสุขภาพทางการเงินของตัวเองก่อน แล้วเริ่มต้นตามทุน หากมีทุนน้อยเริ่มแบบเล็กๆ (เรื่องคิดการใหญ่ไม่ห้ามนะครับ แต่ต้องมีการวางแผนที่ดีด้วยครับ) ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันก็เจ๊ากะเจ๊งครับ ทำคนเดียว คิดคนเดียว เดี่ยวจะท้อใจ (หาข้อมูลก่อนให้แน่นๆ) สรุปขัดๆ คือ มีเงินลงทุนเป็นถุงเพราะต้องเผื่อรองรับความเสี่ยง และ งบประมาณที่บานปลาย
3. ต้องลงมือ บางคนกลัวการลงทุนแล้วเจ๊ง เลยได้แต่คิดได้แต่ฝัน พอเจอใครก็เที่ยวไปขายไอเดียตัวเอง (อยากมีบุตรแต่ไม่กล้ามีสามีมันฝืนธรรมชาติครับ) จึงอยากจะบอกว่าต้องทำจริงๆจังๆครับ บางคนอาจหาหุ้นส่วนมาช่วยคิด ช่วยกระจายความเสี่ยง แต่ธุรกิจส่วนตัวพื้นฐานคือธุรกิจเริ่มต้นขนาดเล็กแบบเป็นส่วนตน ดังนั่น คิดให้ดีครับ วิธีหาเพื่อนช่วยคิด หรือ หาผู้รู้จริงมาแนะนำมีเยอะแยะมากมาย เรื่องต่อไปเป็นหัวใจของข้อนี้เลย คือ มีแรงฮึดที่จะแก้ไขปัญหาฝ่าฟันอุปสรรค

ขออวยพรให้ประสบ ความสำเร็จทั่วหน้าจ้ะ..


บทความนี้จะนำเสนอเป็นตอนๆ โดยเรียบเรียงจากงาน ABO by อ.ตำรา ประภาเวสัง

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

แนวความคิดทางการตลาดสมัยใหม่ ตอนที่3 Multi Channel Approach



การเข้าถึงลูกค้าแบบหลายช่องทาง (Multi Channel Approach)

จากกลยุทธ์Multiple Channels ในการตลาดแบบดั่งเดิม สู่ Multi Channel Approach Strategy ในการตลาดแบบดั่งเดิม มักจะกำหนด P-Place แบบ multiple channels เพราะเป็นระบบที่ผู้ผลิตมุ่งเสนอและกระจายสินค้าผ่านหลายๆ ช่องทาง ที่จะทำให้สินค้าได้กระจายออกไปถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างทั่วถึงโดยอาจมีร้านค้าปลีกของตนเอง พร้อมๆ กับการขายผ่านพ่อค้าส่ง-พ่อค้าปลีกรายอื่นๆ และ ขายผ่านCatalogs การใช้โทรศัพท์ การสั่งซื้อขายผลิตภัณฑ์ผ่านทางเครื่อง ATM หรือ การตั้งร้านค้าย่อยๆ แบบ Kiosk ในศูนย์การค้าร่วมด้วย
ตามที่กล่าวข้างต้นจะพบว่า“Multiple Channels”ให้ความสำคัญน้อยในเรื่อง “Cross Channel”  ซึ่งหมายถึงการ Link ระหว่างช่องทางที่แตกต่างกัน เพื่อเสริมกันและช่วยให้เกิดการขายสินค้าให้ได้มากขึ้น รวมไปถึงการช่วยให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ฯลฯ
ในปัจจุบันจึงมีการสร้างกลยุทธ์ Multi Channel Approach ที่เป็น การผสมผสานช่องทางต่างๆ ในการสื่อสารและการส่งมอบสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้า การผสมผสานนี้ให้ความสำคัญกับการมี Linkage ที่จะเสริมแรงร่วมกันในแบบต่างช่องทาง เพื่อสร้างพลังดึงดูดลูกค้า รักษาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับลูกค้า 
ช่องทางหลักใน Multi Channel Approach ในปัจจุบัน ได้แก่
 (1)     Physical Store – the “Brick”
 (2)     Internet – the “Click”
 (3)     Mail or Catalog – the “Flip”

“Multi-Channel Approach” คือ กลยุทธ์ที่มุ่งสนองตอบลูกค้าแบบทันท่วงที
            Multi-Channel Approach ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่จะ ‘shop’ สินค้าจากร้านค้า, Web Site, Catalogs หรือ บุคคล ทีเราเรียกรวมว่า‘Bricks, Click and Flip’ ลูกค้าจะได้รับความสะดวกที่สุดในเวลาที่ต้องการ ด้านการบริการและการให้ข้อมูลก็จะเป็นแบบทันทีตามที่ต้องการ รวมทั้งมีการตอบสนองโต้ตอบกันได้ ดูข้อมูล จากChannelหนึ่งแล้วไปซื้อจากอีกChannelหนึ่งก็ได้
ผลจากการวิจัยเกี่ยวกับ “Multi-Channel Approach” ที่สหรัฐฯ พบว่า
·       Multi-Channel ทำให้ลูกค้าจับจ่าย ซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับ One-Channel
·       35% ของลูกค้าของร้านค้าปลีกเป็น ‘Multi-Channel Customers’ คือลูกค้าที่มีการใช้บริการทั้งในร้านค้า พร้อมกับรับข้อมูลหรือซื้อจาก Web Site และจาก Catalogs 
·       ผู้หญิงโดยเฉลี่ย 46% เข้าไปใน Web Siteของร้าน ก่อนไปซื้อสินค้าที่ร้าน และ 37% ชมสินค้าจาก Catalogs ก่อนไปซื้อสินค้าจากร้าน
·       80% ของผู้ซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง เข้าไปเยี่ยมชม Web site ของสินค้า ภายหลังจากซื้อสินค้าจาก Store ไปแล้ว และ 37%ของผู้ซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อนี้เป็นครั้งแรก ได้เข้าไปเยี่ยมชม Web site มาก่อนหน้าที่จะซื้อ



Multi Channel Approach musts 
·       การใช้กลยุทธ์ การเข้าถึงลูกค้าแบบหลายช่องทาง ต้องเน้นเชิงกลยุทธ์ และ มีการวัดผลในแง่ความพอใจของลูกค้า
·       ออนไลน์และออฟไลน์ ต้องผสมผสาน รวมฟังก์ชั่นการตลาดของคุณ แทนที่จะแยกกันเก็บไว้ในลิ้นชัก
·       เกิดประสิทธิผลของการขยายช่องทาง ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้ารวมกัน Push เว็บไซต์ของคุณ และLinkageกับฐานลูกค้าออฟไลน์
·       รวบรวมข้อมูลของลูกค้าผ่านทุกช่อง เช่น ในระหว่างการซื้อของ ลูกค้าร้านถัดไป ทางไปรษณีย์ ทางอีเมล 
·       ผู้ซื้อ Cross Channel มักคาดว่าจะได้เห็นข้อเสนอโปรโมชั่นดีๆ หรือมากกว่า ในช่องทางออนไลน์ มากกว่าแบบออฟไลน์ ในขณะเดียวกันมักจะใช้สื่อออนไลน์เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ และตัดสินใจซื้อแบบออฟไลน์ 
·       ปฏิทินส่งเสริมการขายจึงควรจะสอดคล้องกัน(ไม่เหมือนกัน) มีโปรโมชั่นออนไลน์ที่ไม่ซ้ำกันจะสามารถเพิ่มความถี่ในการซื้อของลูกค้าได้สูง 
·       พนักงานของทุกกิจกรรมจะต้องอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือ ล​​ูกค้า รวมทั้งการให้โปรโมชั่นแก่ลูกค้า โดยไม่คำนึงถึงช่องทางที่ใช้ 
·       บูรณาการกลยุทธ์สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างๆ และ ต้องมีการสื่อสารที่แตกต่างเพื่อสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้น เช่น แคตตาล็อก และ Responders mail